
|
 |
ชีวิตคนทำฟาร์ม
ฟาร์มเจ๊ณี
(
ข้อมูล เนื้อหา ที่ท่านกำลังจะรับชมต่อไปนี้
ได้ถูกบันทึกเมื่อ 25 กันยายน 2544
โดยชมรมปลาคาร์พ
ไทย-ญี่ปุ่น TJFC ซึ่งผมนายรัน
ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งขึ้น
ปัจจุบันฟาร์มเจีณีได้กลายเป็นอดีต เหลือเพียง
ความทรงจำ ให้นักเลี้ยงรุ่นหลังได้ทราบว่า นี่คือฟาร์มปลาคาร์พแห่งแรก
ปฐมบทของวงการปลาคาร์พ
เมืองไทย )
หากบางท่านที่เคยได้เข้าไปสัมผัสกับฟาร์มเจ๊ณี
ในก้าวแรกที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้ว
จะได้ซึมซับถึง
ความคลาสสิค
ซึ่งหาได้ยากยิ่งในฟาร์มปัจจุบันนี้
ยิ่งได้พูดคุยและสัมผัสกับคนที่นี่
จะได้รับรู้ถึงความ
อบอุ่นและเป็นกันเอง
เหมือนพี่เหมือนน้องเหมือนลูกเหมือนหลาน
ซึ่งทำให้ลืมคำว่าผู้ซื้อและผู้ขาย
หาก
จะกล่าวถึงผู้ซื้อและผู้ขาย
ก็คงจะไม่ผิดที่จะกล่าวว่าเป็นผู้ซื้อและผู้ขายที่ซื่อสัตย์ต่อกันมานานนับสิบ
ๆ ปี
ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งปลาชั้นดี
ในราคามิตรภาพจริง ๆ ที่
Koi lover
สามารถสัมผัสกับปลาที่มีคุณภาพได้ใน
ราคาที่ย่อมเยาว์ |
|
นายแช่ม
แกรงกระโทก
ชายไทยวัยกลางคน
ผิวดำแดง ร่างสันทัด
ผู้ซึ่งมาจากดินแดนที่ราบสูง
จ. นครราชสีมา
จ.นครราชสีมา
หลังจากจบชั้นประถมปีที่
4 ขณะนั้นอายุประมาณ 12
ปี
ต้องการเข้ามาหางานทำในเมืองหลวง
ซึ่ง
เป็นที่ใฝ่ฝันของผู้ที่ต้องการเข้ามาขุดทองในดินแดนแห่งความศิวิไลย์
หลังจากที่เข้ามาในกรุงเทพฯ
แล้วคิดที่จะหา
งานทำซึ่งงานแรกจะลองเป็นกระเป๋ารถเมล์ดู
ขณะนั้นคุณพ่อรับจ้างขับแท็กซี่อยู่
เกิดกลัวว่าลูกชายสุดที่รักจะตกรถ
เมล์เสียชีวิตซะก่อน
จึงได้ฝากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้กับลูกพี่ลูกน้อง
ซึ่งทำงานอยู่กับน้องสาวเจ๊ณี
(พี่จำปี) ณ. ต่อ
ไปนี้
ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศร่วมสมัยสุดคลาสศิค
อันเป็นจุดเริ่มต้นของฟาร์มปลาคาร์พแห่งแรกของประเทศ
ไทย
ซึ่ง Mr.Koi@CNN
จะถ่ายทอดเรื่องเล่าจากคุณแช่ม
ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร
เพื่อให้ Koi lover
รุ่นหลัง
ได้ซึมซับตำนานอันอมตะ
ซึ่งเป็นเรื่องราวอันอยู่ในความทรงจำของชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
ในวงการ
ปลาคาร์พยุคต้นของเมืองไทยก็ว่าได้
ขอให้ทุกท่านหลับตาและย้อนหลังไปกับผมเมื่อ
30 ปีที่แล้ว
"
สมัยนั้นร้านของเจ๊ณี
(คุณสุวรรณี)
ตั้งอยู่ที่แถวสะพานเหลือง
เพาะปลาปอมปาดัวร์
ออสก้า และปลาทั่ว ๆ
ไป
ให้แก่พ่อค้าปลารับไปขายที่ตลาดนัดสนามหลวง
ต่อมาอีกไม่นานเจ๊ณีก็ได้หาที่อยู่ใหม่ให้กว้างขวางมากกว่าเดิม
เพื่อ
สะดวกในการทำงานเนื่องจากที่เดิมคับแคบไป
จึงได้ที่ดินในซอยสุขุมวิท
64 นี้ (ฟาร์มเจ๊ณีในปัจจุบัน)
ขณะนั้น คุณ
ประสาน
วิเศษศิริ สามีของเจ๊ณี
ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัท
มิตซูบิชิ
ได้รู้จักกับคุณอำพล
ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท
กัน
และคุณอำพลได้ค้าขายกับคนญี่ปุ่นอยู่ก่อนหน้านี้
คนญี่ปุ่นผู้นี้ได้ลงทุนให้คุณอำพลทำฟาร์มไข่มุกทางปักษ์ใต้
แล้ว
ส่งผลิตผลมายังประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาคุณอำพลชักชวนคุณประสานและจ๊ณีให้ส่งปลาไทยไปขายที่ญี่ปุ่น
ก็ได้รับความ
สนใจมาก " |

พี่แช่ม ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ควรค่า
แก่การรับรู้
เรื่องราวประวัติความเป็น
มา
ของวงการปลาคาร์พในบ้านเรา
|
|

ประตูบานนี้ไม่เคยปิด
รอรับการมาเยือนเสมอ
|

กลิ่นไอแห่งอดีต30 ปีก่อน ก็ยังคลุกกรุ่นอยู่
|
-
ในช่วงนั้นที่ฟาร์มเจ๊ณีเริ่มมีการส่งออกปลาไทยเป็นปลาประเภทใด
?
"
ปลาไทยทุกอย่างที่บ้านเราตั้งแต่ปลาซิว
จนถึงปลาใหญ่ ๆ เช่น
เทพา
สวาย ปลาเสือตอ
ปลาแม่น้ำโขงก็จะส่งปลาพวกนี้ไป
เพราะที่ญี่ปุ่นเขา
มีรูปอยู่นี่คือจุดเริ่มต้นของฟาร์มเจ๊ณี
จากนั้นเจ๊ณีก็ไปหาลูกค้าที่ประเทศ
ญี่ปุ่น
ขากลับก็นำปลาคาร์พติดมือกลับมาด้วย
เพื่อมาเลี้ยงดูเล่นต่อมาสัก
พักก็สั่งปลาคาร์พเข้ามาอีก
"
-
ในสมัยก่อนเรียกได้ว่าฟาร์มเจ๊ณีเป็นแหล่งรวมปลาไทย
เพื่อส่งออก
อย่างเดียว ?
"
ใช่
ส่งออกอย่างเดียว
ไม่ได้ให้คนอื่นเข้ามาซื้อเลย
" |
|
-
ปลาไทยที่ส่งออกนั้น
เพาะเองด้วยหรือเปล่า ?
" ไม่ได้เพาะเอง
เพราะสมัยก่อนปลาไทยยังเพาะไม่ได้
แต่มารุ่นหลังๆ
กรมประมงก็เพาะได้
แต่เพาะได้เป็นบางอย่างนะ
และต่อมาเจ๊ณีก็เริ่มสั่งปลาคาร์พมา
ขายก็ขายได้เรื่อย ๆ
ในช่วงนั้นย้อนหลังไปประมาณสามสิบกว่าปีแล้ว
"
-
คนกลุ่มแรกรู้ว่าที่นี่มีขายปลาคาร์พได้อย่างไร
?
"
บางคนเขารู้ระแคะระคายว่าเป็นบ้านเลี้ยงปลาก็มาดู
ดูไปดูมา ก็เห็นปลาคาร์พก็พูดกันไปปากต่อปาก
"
-
ในสมัยนั้นที่นี่
เป็นฟาร์มปลาคาร์พนำเข้าเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยหรือเปล่าครับ
?
" ใช่
ครับยังไม่มีฟาร์มอื่นเลย
"
-
ในสมัยนั้นมีกลุ่มคนที่สนใจปลาคาร์พหรือยังครับ
?
"
มีแต่น้อย "
-
แล้วที่พวกเขาเลี้ยงปลาคาร์พกันในสมัยนั้น
เขานำปลามาจากที่ไหน ?
"
สมัยก่อนเป็นพวกปลาใน
หมายถึงปลาคาร์พที่เพาะในประเทศไทย
ในสมัยก่อนปลามันไม่ค่อยมีสี
"
|

ภาพบ่อปลาคาร์พที่ชินตา
นักเลี้ยงปลาทุกยุค
ทุกสมัย
ปัจจุบันก็ยังมีมนต์ขลังอยู่ไม่สร่างซา
|

เคยมีคำกล่าวว่า
คุณจะไม่มีทางเข้าถึงจิตวิญญาณ
ของคนรักปลาคาร์พได้เลย
ถ้าคุณไม่ได้ ณ.ที่แห่งนี้
|

ที่ซึ่งเป็นตำนานเล่าขาน
ถึงการก่อกำเนิด
เป็นตำ
นานอมตะ
ที่อยู่คู่วงการปลาคาร์พของเมืองไทย
|
|
- หากถามว่าปลาโชว่าที่ดีในอุดมคติของพี่แช่มเป็นอย่างไร
?
รูปร่าง และก็เน้นสี
ลูกเล่นลวดลายเป็นตอนอะไรอย่างนี้
"
- สีที่ดีเป็นอย่างไร
?
เช่น แดงต้องแดงเลือดนก
ดำก็ต้องดำถ่าน ขาวก็ขาวหิมะ
"
-
หากถ้าเราเลือกแดงเลือดนก
เราจะเลือกได้แต่ปลาตัวผู้ไม่ใช่หรือครับ
?
ไม่ใช่ครับ
ไม่จำเป็น ไม่เกี่ยว
ไม่ใช่สีแดงจะเป็นตัวผู้เสมอไปเราก็ต้องดู
"
- โชว่าที่ดีต้องมีพื้นขาวอย่างไร
?
" เราก็ต้องดูให้มันบาลานส์กัน
ดูโดยภาพรวมให้แดง
ดำ หรือขาวให้สอดคล้องกัน
"
- พี่แช่มชอบโชว่าที่เป็นตอนหรือเป็นลายเลื้อย
?
" ส่วนมากจะชอบที่เป็นตอน
แต่ว่าก็ต้องดูลูกเล่นมัน
"
-
ได้ยินมาว่าสมัยก่อน
คินไดโชว่า
ที่ขาวเยอะ ๆ
เขาไม่เลี้ยงเลยใช่ไหมครับ
เพราะเป็นโชว่าที่ไม่มีคุณภาพ
?
" มันไม่ใช่ครับ
บางคนแบบว่าไม่รู้จักเล่น
มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนชอบ
บางคนก็ชอบทึบ ๆ
บางคนก็ชอบโปร่ง ๆ
อย่าง
พวกโมเดินท์หรือคินได
มันดูภาพรวมแล้วจะสวย
" |

เป็นกันเองกับพี่แช่ม
ชนิดเปิดอกคุย
|
|

ตู้ปลาน้ำจืดสำหรับส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น
|

ลีลาการว่ายของเจ้าปลาแสนสวย
ยามค่ำคืน
|

สะท้อนถึงความสงบ
เรียบง่ายของฟาร์มแห่งนี้
|
|
- ลายดำของโชว่าขณะที่มันเล็ก
ๆ มันทึบอยู่แล้ว ต่อไปโตขึ้นจะมีโอกาสโปร่งขึ้นไหมครับ
?
" บางตัวก็จะเคลียร์
และบางตัวที่เราเห็นลายดำเป็นเงา
ๆ ลึก ๆ
ในเนื้อมันจะขึ้นทีหลัง
และจะขึ้นแน่นอน เราเน้นเรื่องสีที่มันดี
ๆ สีสด ๆ
มันถึงจะได้ปลาที่ดี "
- อย่างเช่นลายดำที่ผ่าหน้าแทนที่จะผ่าเป็นเส้นเห็นชัดกลับเป็นแบบฝุ่น
ๆ ต่อกัน
โอกาสที่มันจะบีบตัวกระชับเข้ามาจะเป็นเส้นไหมครับ
?
" มันเอาแน่นอนไม่ได้นะครับ
มันต้องดู บางตัวที่เราเห็นดำเงา
ๆ ในเนื้อ บางครั้งมันก็ขึ้นมาเลอะเทอะก็มีบางตัวขึ้นมาเป็นขี้แมลงวันก็มี
มันเปลี่ยนแปลงได้ " |

ในรอยยิ้มนี้จะมีใครเคยรู้ลึกซึ้งหรือใคร่ครวญจะรับรู้
ถึงความ
หมายของมัน
โดยนัยอาจจะเป็นยิ้มที่ได้เห็นบรรดานักเลี้ยงปลา
เลือกปลาอย่างมีความสุข
เข้าไปสัมผัสรอยยิ้มนี้สักครั้งสิครับ
บางคุณอาจจะได้พบความหมายที่แท้จริงของมัน
จากหญิงผู้
ผู้ให้กำเนิดวงการปลาคาร์พในเมืองไทย
คุณสุวรรณี
วิเศษศิริ
|
-
หากเราเลือกปลาไซด์ประมาณ
15-20 ซ.ม.
โอกาสที่ลายดำนั้นจะจบหรือสมบูรณ์แบบจนสุด
สำหรับปลาตัวนั้นประมาณสักกี่ปีสำหรับโชว่า
?
" โชว่ามันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
บางที ไซด์ 4
มันยังเปลี่ยนเลย ไม่แน่นอน
บางตัวมันก็ขึ้นมาตาม
ที่เราคาดคะเนไว้เท่ากับเราก็ได้ปลาสวย
อย่างพวกเซียนปลาเขาจะเล่นโชว่าและชิโร่พวกนี้ลายดำจะ
ขึ้นทีหลัง "
-
หากเราพูดถึงชิโร่ที่ลายดำมันคมชัด
ๆ
แล้วที่เราเห็นว่าสวยแน่นอน
เซียนปลาเขาจะเล่นหรือ
ไม่หรือเขาจะเลือกดำลาง
ๆในเนื้อ ?
" ก็ไม่แน่นอน คือปลาสองอย่างมันจะเป็นปลาปราบเซียน
"
-
อยากให้พี่แช่มช่วยแนะนำวิธีเลือกชิโร่ที่ดีว่าควรเลือกอย่างไร
?
" หากเป็นปลาเล็ก อันดับแรกต้องดูว่าต่อไปมันจะขาวหรือเปล่า
และดำมันจะขึ้นมาลายแบบ
ไหน
คือดูแล้วให้มันโปร่ง ๆ
หน่อย อย่างบางทีเราดูว่าลายมันเป็นบั้ง
ๆ เราดูว่าวันนี้สวย แต่ลึก ๆ
ของข้างในลงไปดำมันจะขึ้นมา
พอมันขึ้นมาทีนี้มันก็จะเป็นปลาทึบไปแล้วก็ไม่สวย
ให้ดูโครงสร้าง
ดูขาวเข้าว่าดำก็อย่างไปดูดำเยอะ
พอเราเห็นว่ามันเป็นเงา ๆ
ดำอย่างไรมันก็ขึ้นแน่นอน
" |
|
- พี่แช่มยืนยันเลยใช่ไหมครับ
ว่าดำที่เป็นลาง ๆ
มันจะขึ้นแน่นอน ?
"
ขึ้นแน่นอนครับ อย่างบางรุ่นมาจะไม่มีดำเลย
จะเป็นแบขาวๆ แต่
ดำจะเป็นเงาๆ
อยู่ พออยู่สักอาทิตย์กว่าดำเริ่มมาแล้วจะเห็นลายแล้วถ้า
ตัวไหนที่ดูแล้วแหมวันนี้สวยจัง
พอข้ามไซด์ไปแล้วทีนี้
เอาแล้วดำชัก
เต็มตัวแล้ว " |

บ่อแถวขวามือจะเป็นบ่อของปลาล็อตล่าสุด
|

ส่วนปลาเก่าจะอยู่ในสองแถวนี้
|
|

ภาพปฎิทิน
ความทันสมัยเพียงอย่างเดียวของที่นี่ |

พี่มะลิ อีกหนึ่งในพนักงานประจำฟาร์มนี้
|
-
ส่วนปัญหาที่นักเลี้ยงส่วนใหญ่เจอมาว่าชิโร่เลี้ยงไปอย่าง
ไรมันก็ไม่ขาว
ทำไมชิโร่มันถึงอมเหลือง
มีวิธีแก้ไหมครับ ?
"
ก็มีให้เลือกเป็นปลาตัวเมีย
ส่วนมากที่เหลืองมันจะเป็น
ปลาตัวผู้
อย่างปลาตัวเมียถึงแม้จะเหลือง
มันก็เปลี่ยนไปเป็น
ทางขาวได้
อย่างชิโร่มันจะปรับสีตามสภาพอากาศ
ถ้าอากาศ
ร้อนมันจะออกเหลือง
มันจะปรับตัวมันให้เข้ากับอุณหภูมิชิโร่
มันจะเป็นอย่างนั้น
ถ้าอากาศประมาณมาณ
20-25 องศาก็จะ
ดี
แต่อากาศบ้านเรา30 กว่าบางที
40
มันเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย
บางทีบ้านเราเย็นมันก็จะขาว
บางอาทิตย์ดูๆ
มันก็ขาว อยู่ๆ
อยู่ๆ
อาทิตย์ต่อมามันก็จะเหลือง
เป็นเพราะบางครั้งมันก็อยู่ที่
เราให้อาหารด้วย
" |
|

บรรยากาศยามพลบค่ำ
ที่ดูจะชินตาของ
เหล่านักล่าปลาคาร์พมากกว่าตอนกลางวัน
|

ธงที่โบกสะบัดท้าทายดังจะให้รับรู้ว่านี่คือ
สัญลักษณ์ของการต่อสู้ของผู้หญิงคนหนึ่ง
|
-
หากเป็นปลาไซด์เล็กเห็นลวดลายดี
โครงสร้างดี
ขาวก็ดี ยกเว้น
บริเวณหน้าหรือหัวอมเหลือง
ควรที่จะซื้อไหมตัวนี้
ถ้าตัวนี้เป็นตัวเมีย
เมีย
พี่แช่มคิดว่าควรซื้อไหม
?
"
ถ้าเป็นตัวเมียนะ (น้ำเสียงหนักแน่นย้ำว่าเป็นตัวเมีย)
ก็ซื้อได้ส่วน
มากจะขาวขึ้นอยู่กับเราเลี้ยง
และขึ้นอยู่กับน้ำด้วย
"
-
และเลี้ยงไปเลี้ยงมาทำไมเม็ดแดงถึงเกิดมาล่ะครับ
?
"
สายพันธุ์มันยังไม่นิ่ง
( ตอบอย่างทันควัน )
และเหมือนกับตัวนี้ไง
(ชี้ไปที่บ่อที่เก็บปลาไซด์ใหญ่ไว้
และมีชิโร่ว่ายผ่านมาพอดี)
ขนาดตอน
สั่งเขามาใหม่ๆไซด์
4 แล้ว
ไม่มีแดงขึ้นเลยนะ
พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาแดง
จะขึ้นมาเป็นจุด
ๆ " |
|
- หากแดงขึ้นมาเช่นนี้โอกาสแดงจะหายไปมีไหมครับ
?
" โอ้
ถ้าขึ้นมาแบบนี้ยาก ยากเลยครับ
พยายามเลี่ยงอาหารเร่งสี
ชิโร่นี้ไม่ต้องไปเร่งสีให้อาหารที่มันศูนย์เปอร์เซ็นต์จะดีกว่า
"
- หากเราพูดถึงปลาที่มีสี
หากสายพันธุ์มันดีมาตั้งแต่เล็กๆ
แล้วเราไม่เลี้ยงอาหารเร่งสีเลยสีเขาจะจางลงหรือตกลงไหมครับ
?
" อย่างนี้นะครับ
ปลาสมัยนี้ที่เราสั่งมาใหม่
ๆ
ผมถึงบอกตั้งแต่แรกว่าในสมัยก่อนมันไม่มียากระตุ้นสี
มันจะเป็นธรรมชาติและทุกวันนี้มันจะมีการใช้ยากระตุ้น
สีพอมาบ้านเราสีดีจริงๆ
สีสวย พอมาอยู่บ้านเราบางตัวก็จะสีหลุดไปเลย
มันจะเป็นอย่างนั้น
มันให้สารที่เร่งสีมาแล้ว
"
- หากพูดถึงโคฮากุที่บางท่านชื่นชอบนั้น
เวลาเลือกโคฮากุตัวเมียที่เลือกตั้งแต่ยังเล็กๆนั้น
แดงไม่ได้แดงสดมันออกเป็นแดงจืดๆ
หรือแดงส้มจนไซด์ใหญ่ประ
มาณ
5 ไซด์แล้วแดงก็ยังไม่มีสดอีกยังเป็นแดงอมส้มอยู่ ต่อไปโตกว่านี้มันจะแดงสดไหมครับ
?
" ไม่แดงครับ เพราะว่าสายพันธุ์นี้มันจะมีสีแดงและสีแสดหรือสีส้ม
มันจะเป็นอย่างนั้นถ้ามันส้มมันก็ส้มมันก็จะไม่แดงเหมือนเลือดนก
"
- หากให้อาหารเร่งสีจะช่วยได้ไหมครับ
?
" มันก็เพียงแต่สีสดขึ้นมา
แต่ก็ไม่แดง "
- นั่นหมายถึงว่า
พี่แช่มฟันธงลงไปว่าควรเลือกปลาที่มีโทนสีเลือดนกตั้งแต่เล็ก
ๆ ?
" หากเราเลือกแดงแบบนี้
เราก็จะได้เปรียบใช่ไหมครับว่าตรงนี้อนาคตดี
ปลาตัวนี้มีอนาคต สีมันดี
เราก็เลือกซื้อไป "
- ไม่ใช่ว่าเล็กๆ
เป็นสีออกแสดหรือสีส้มโตขึ้นมาจะแดงอย่าไปหวังอย่างนั้น
ใช่ไหม ?
" ใช่
ครับ ยาก
อย่าไปหวังอย่างนั้น "
- หากพูดถึงตันโจตามธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องแต่งจะมีแดงที่กลมไหมครับ
?
" มีครับมี จะกลมจะคมนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ญี่ปุ่นเขาเก็บเอาไว้เพาะ
ไม่ใช่ตันโจกับตันโจเพาะออกมาจะเป็นตันโจไม่ใช่นะครับ
ส่วนมากจะเป็นโคฮากุ
ลาย
ห่างๆ
มันก็จะออกมาทั้งโคฮากุทั้งตันโจในคอกนั้น
ถ้าเกิดนำตันโจกับตันโจมาเพาะก็จะออกมาขาวหมดเลย
ไม่มีสีและไม่ใช่เป็นแพ็ตทินั่ม
ขาวหมดเกล็ดไม่เงา "
- ทำไมประเทศไทยถึงทำปลาไม่ได้เท่ากับปลานอกล่ะครับ
?
" เป็นเพราะเราไม่ได้คัดสายพันธุ์ที่ดีคือ
พ่อแม่นอกเราก็เอาไปเพาะแต่ทีนี้ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่นอกจริงๆ
ที่เขาเอามาขายให้กับเราเขาทำสายพันธุ์จะเป็นอย่างไร
จริง
แล้วปลาที่เขาทำสายพันธุ์ไว้สำหรับเพาะเขาจะเก็บไว้ต่างหากเลย
เขาจะเก็บไว้เลยไม่ขายครับ
เขาทำของเขาเองเขาจะรู้ไม่ใช่ขั้นตอนเดียวแล้วจะได้เลยไม่ใช่
ไม่
เช่นนั้นสายพันธุ์จะไม่นิ่งอย่างบ้านเราปลาท้องเราก็จับมาเพาะเลย
มันถึงไม่มีคุณภาพ "
-
นั่นหมายถึงหากมีสตางค์เราไปถึงญี่ปุ่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่แท้
ๆ ?
" ใช่ครับคือ พ่อแม่พันธุ์ที่แท้ ๆ
เขาจะเก็บของเขาไว้เลย
เขาจะไม่ขายให้เราหรอก
"
-
บ่อที่จะเลี้ยงปลาคาร์พที่จะได้ไซด์ใหญ่ควรจะลึกเท่าใดครับ
?
" ก็ต้องสองเมตรขึ้นไป
ยิ่งกว้างเท่าใดยิ่งลึกเท่าใดยิ่งดี
ยิ่งใหญ่ยิ่งลึกเท่าใดก็ยิ่งดีครับ
หากเลี้ยงในบ่อแคบและลึกแค่เมตรเดียว
ปลามันจะชลอความโต
นอก
จากว่าเราไปเจอหัวปลาพวกนี้จะโตเร็วมาก
"
-
สำหรับที่นี่มีพ่อค้าปลาเข้ามาบ้างหรือไม่ครับ
?
" ก็มีครับ
พวกที่สวนจตุจักร
บางคนก็มาซื้อไปขายต่อเขาก็ไปบวกเอา
มันก็เป็นอย่างนั้น "
- ที่นี่เน้นสายพันธุ์ใดเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ
?
"
ไม่เน้นพิเศษครับ
ปลาหลัก ๆ
ตามที่ลูกค้าต้องการแบบว่าพันธุ์ใดขายดีลูกค้านิยมเล่นก็จะนำเข้ามา
ส่วนมากพวกตันโจ
โคฮากุบ้านเราก็ทำได้ก็เลยสั่งมาน้อย
ส่วนมากพวกเซียนปลาจะเล่นแต่ชิโร่กับโชว่าก็มีมากหน่อย
"
- อยากให้พี่แช่มฝากถึงนักเลี้ยงบางท่านที่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำไม่เคยล้างบ่อกรองเลยตลอดทั้งปี
จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร ?
" ควรล้างครับ ถ้าล้างแล้วมันก็จะได้น้ำใหม่เรื่อยๆ
ปลามันก็จะดีขึ้น สีดีขึ้น
"
-
ปกติแล้วควรที่จะล้างประมาณกี่วันต่อการล้างหนึ่งครั้ง
?
" มันขึ้นอยู่กับว่าเราเลี้ยงปลาเยอะหรือไม่เยอะ
เราก็ต้องดูว่าบ่อขนาดนี้กี่เมตรคูณกี่เมตร
มันโตขึ้นมาอย่าให้มันแน่นเกินไป
มันก็จะไม่เครียด "
- ปลาเครียดด้วยหรือครับ
?
" ใช่สิครับ พอเครียดมันก็จะเปลี่ยนสี
โดยเฉพาะชิโร่เวลาปลาแน่นไปมันเครียดก็จะออกเหลือง
ส่วนมากอย่างอื่นดูไม่ออกจะดูออกอย่างชิโร่นี่
เพราะว่าชิโร่ไม่
ชอบอึดอัด
และหากเลี้ยงที่มีน้ำตกก็ยิ่งดี
เพราะน้ำตกจะทำให้น้ำมีอากาศปลามันก็จะสดชื่น
"
-
หากถ้าเราเลือกปลาที่ดีมีคุณภาพแล้ว
พี่แช่มมีเทคนิคอย่างไรที่จะเลี้ยงปลาตัวนั้นให้ได้ดี
?
" ก็จะมีอาหารและน้ำด้วย
"
|

จำนวนปลาที่นำเข้าแต่ละครั้งอยู่ในหลัก
1000 ตัว
แต่จำนวนครั้ง ที่นำเข้าในแต่ละปีจะมากกว่าที่อื่น
|

ตัวแทนในการจัดส่ง
ที่คบหากันมานานนับ
ยี่สิบปี OPICAL FISH
CENTER
|

ปลาที่นี่คืนแรกทุกตัวจะราดาเดียวกันหมด คือ 4000
บาท ไม่มีการคัดปลาสวยขายอีกราคาหนึ่งเหมือนที่อื่น
|
|
-
ผมอยากให้พี่แช่มฝากข้อคิดเล็กๆ
น้อยๆ
สำหรับผู้ที่
เริ่มเลี้ยงมือใหม่
ซึ่งในช่วงหลัง
วงการปลาคาร์พเหมือน
กับที่เรียกว่า
ปลุกผีขึ้นมาอีกรอบหนึ่งก็ว่าได้
อยากจะฝาก
อะไรถึงน้อง ๆ
ที่เพิ่งคิดที่จะเลี้ยงปลาบ้างครับ
?
"
เราต้องเห็นรูปร่างมาก่อน
และก็ดูสีอย่างที่กล่าวมาจึง
ค่อยมาดูลวดลาย
ก็ต้องดูเป็น
ก็ต้องมีประสบการณ์เล่นไป
เรื่อย
ๆ ถึงจะรู้
ไม่ใช่มาดูทีเดียวแล้วจะเก่งเลย
" |

มารูเต็งซันเก้
ตัวนี้เคยเป็นดาวเด่นของที่
นี่
ปัจจุบันได้ไปอยู่ในบ่อนักเลี้ยงปลาแล้ว
|

ชิโร่
ตัวที่พี่แช่มกล่าวว่ามีสีแดงเกิดขึ้นภายหลัง
|
|

กระดานที่เก่าคร่ำคร่านี้
อาจจะมีอายุขัยมากกว่านักเลี้ยงปลาบางท่าน
ที่ซึ่งเจ๊ณี
ได้ฝากรอยเท้ามานานนับชั่วนาตาปี
เป็นรอยเท้าที่ฝังรากลึก
เป็นรอยเท้าแห่งการ
สร้างสรร
เป็นรอยเท้าแห่งก่อกำเนิดวงการปลาคาร์พในบ้านเรา
กระดานเก่าให้
ให้มุมมองในความรู้สึกอ้างว้าง
และในความรู้สึกนี้เอง
ได้ก่อเกิดคำถามในใจว่า
จะมีรอยเท้าของนักเลี้ยปลารุ่นใหม่
สักกี่รอยกันหนอ...
ที่จะเหยียบย่ำซ้ำรอยเท้า
ลงไป
ให้ฝังเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อชั่วกาลนาน
ตำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง....
|
ทางชมรม
TJFC
กราบขอบคุณทางฟาร์มเจ๊ณี
ที่มอบความรู้
และความเป็นกันเองในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้
และอยากให้ Koi lover
ได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศ
ที่มีมนต์ขลังและสุดคลาสิค
รวมทั้งเลือก
เลือกหาปลาตัวโปรดในราคามิตรภาพ
ที่ทุกท่านไขว้คว้าเป็นเจ้าของกัน
ได้
และคำว่าฟาร์มปลาคาร์พแห่งแรกของประเทศไทย
คงจะเป็นเครื่อง
พิสูจน์ได้ในเรื่องความซื่อสัตย์
คุณภาพและราคาได้เป็นอย่างดี
ซึ่งยืน
หยัดและอยู่คู่กับ
Koi lover มานานนับยี่สิบปี
ขอขอบคุณ
: คุณสุวรรณี ,พี่แช่ม,พี่มะลิ
แห่งฟาร์มเจ๊ณี
เรื่องโดย
: Mr.koi@CNN
ภาพโดย : นายรัน
koitoday.com |
|
<<<
กรุณาชมเวบนี้ด้วย Explorer
Browser พบข้อผิดพลาด -
ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับปลาคาร์พเพิ่มเติม
โทร 01-4598555 นายรัน >>> |