ตีพิมพ์ในนิตยสาร AQUA
      แรกเริ่มเมื่อปลาคาร์พเริ่มเป็นเข้ามาในเมืองไทย  เมื่อสักประ
ประมาณสามสิบปีก่อน  กลุ่มผู้นิยมเลี้ยงปลาคาร์พเป็นงานอดิเรก
จะเกาะกลุ่มอยู่ในพื้นที่กรุงเทพเสียเกือบทั้งหมด ต่างจังหวัดนั้น
มีผู้เลี้ยงน้อยมาก   เทียบสัดส่วนกับในกรุงเทพคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
แทบไม่ได้เลย  อาจเป็นเพราะว่าฟาร์มที่นำเข้าปลาคาร์พจากประ
เทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ   การเลี้ยงจึงกระจุกตัวอยู่ในกรุง
กรุงเทพเสียเป้นส่วนใหญ่
     แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปในยุคการสื่อสารไร้พรหมแดน  ความนิ
ยมเลี้ยงปลาคาร์พเป็นงานอดิเรก  ได้แพร่กะจายครอบคลุมไปทั่ว
ทุกจังหวัด  แม้แต่คนที่ไม่ได้เลี้ยงอย่างน้อยเชื่อว่าต้องเคยเห็นตัว
จริงของปลาคาร์พกันบ้าง ผิดกับเมื่อก่อนอาจจะได้ยินแต่เพียงชื่อ
ไม่เคยได้เห็นตัวจริงๆ
      ชลบุรี  เมืองติดชายทะเลภาคตะวันออก  เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง
ที่มีการเลี้ยงปลาคาร์พไม่น้อยหน้าจังหวัดอื่นๆ อาจเป็นด้วยระยะ
ทางไม่ห่างไกลสามารถเดินทางเข้ามายังแหล่งปลาคาร์พในกรุง
เทพได้สะดวก  บวกกับศักยภาพของความเป็นเมืองธุรกิจที่มีเม็ด
เงินหมุนเวียนสะพัด    จึงมีจำนวนผู้เลี้ยงปลาคาร์พระดับสูงเพิ่ม
ขึ้นเรื่อยๆ
      สจ.สมควร   อังคะนาวิน   เป็นอีกหนึ่งท่านที่เพิ่งเริ่มต้นเลี้ยง
 ปลาคาร์พเป็นงานอดิเรกสดๆร้อนๆ ท่านสจ.สมควรได้กรุณาเล่า
 ถึงความเป็นมาในการเลี้ยงปลาคาร์พ ให้กับทางทีมงานนิตยสาร
 Aqua ฟังว่า  เริ่มแรกเป็นแค่เพียงการทำบ่อเลี้ยงปลาเล็กๆ ตาม
 หลักฮวงจุ้ย ขนาด 2 คูณ 2 เมตร  ใส่น้ำลึกประมาณ 50 ซม. คิด
 จะเลี้ยงปลาคาร์พเล็กๆ ไว้ดูเล่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเลี้ยงแบบจริง
 จัง ไม่ได้ศึกษาไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงแม้แต่นิดเดียวในช่วง
 นั้น  บ่อที่สร้างขึ้นจึงเป็นแค่บ่อสี่เหลี่ยมง่ายๆ ไม่มีระบบกรองพอ
 เติมน้ำลงปลาลงไปได้ไม่กี่วัน  ก็ออกอาการน้ำเขียวขุ่นขึ้นมาทันที
       แก้ปัญหาด้วยการไปซื้อถังกรองสำเร็จรูปมาติดตั้ง ใช้ไดโว่ร์
 ดูดน้ำเข้าไปผ่านวัสดุกรองแต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แถมน้ำ
 ยังเขียวมากกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ จนกระทั่งมีคนมาแนะนำให้ทำบ่อ
 กรอง  จะช่วยปัญหาน้ำเขียวให้หมดไปฟังดูเหมือนง่ายแต่มันไม่
 ไม่ใช่อย่างที่คิด  จะสร้างบ่อกรองเพิ่มเติมแต่ไม่สามารถใช้พื้นที่
 ในบ่อเลี้ยงได้ เนื่องจากตัวบ่อมีขนาดเล็กอยู่แล้ว  จำเป็นต้องสร้าง
 ใหม่อย่างเดียว
      การสร้างบ่อกรองภายนอกไม่ใช่เรื่องยาก แต่ติดปัญหาตรงที่
 ว่าจะใช้วิธีใดนำน้ำจากบ่อเลี้ยงมายังบ่อกรอง    เพราะไม่มีสะดือ
 บ่อเหมือนบ่อทั่วไป  ทางออกทางเดียวคือต้องเจาะรูจากด้านข้าง
 บ่อเลี้ยงมายังบ่อกรอง  บ่อกรองจึงต้องสร้างให้ชิดกับบ่อเลี้ยงไว้
 เมื่อมีระบบกรองถูกต้องตามระบบ   น้ำจึงใสมองเห็นปลาชัดเจน
 และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงปลาคาร์พอย่างจริงจัง
      จากบ่อแรกสู่บ่อที่สอง   เมื่อรู้และเข้าใจในระบบบ่อเลี้ยงอย่าง
 ถ่องแท้ บ่อที่สองจึงตามมาเป็นบ่อขุดฝังลงในดินมีบ่อกรองในตัว
 ขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเดิมมากนัก    เพราะมีต้นไม้ใหญ่มาขวาง
 พื้นที่อยู่จะตัดทิ้งก็เสียดายเนื่องจากซื้อมาราคาสูง  สิ่งที่ทำได้ใน
 บ่อนี้คือเพิ่มความลึกให้มากกว่าเดิม  บ่อกรองถูกแบ่งออกเป็นสาม
 ช่อง ช่องแรกรับน้ำจากสะดือบ่อและใช้เป็นช่องมีเดียไปในตัว ล้น
 ไปยังช่องที่สองเป็นช่องมีเดียเต็มตัว  น้ำลอดไปยังช่องบ่อที่สาม
 เพื่อสูบกลับไปบ่อเลี้ยง
      สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าบ่อกรองมีพื้นที่เล็กมาก  ถ้าจะ
 แบ่งช่องกรองให้มีช่องบังคับน้ำลอดเหมือนบ่อกรองทั่วไป จะส่ง
 ผลให้ช่องมีเดียจะแคบเกินไป   ใช้ไดโว่ร์ขนาดหนึ่งนิ้วผลออกมา
 น้ำใสไร้ปัญหาเรื่องน้ำเขียว
      เมื่อผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเช่นนี้   ปลาที่นำมาเลี้ยงจึงต้องพิ
 ถีพิถันเป็นพิเศษ ปลาที่นำมาเลี้ยงชุดแรกจำนวน 5 ตัว  เป็นโคฮา
 กุ 4 ตัวจากซาไกฟาร์ม  ส่วนโชว่าเป็นปลาไดนิชิ   ทั้งหมดซื้อมา
 จากไทย-นิบปอนฟาร์ม  เป็นปลาใหญ่ไซส์ 6 ทุกตัว
     จากบ่อเดิมเลี้ยงปลาไทยตัวเล็กไซส์ 2 ซึ่งเหมาะสมลงตัวอย่าง
 พอดี  ปลาสามารถแหวกว่ายไปมาได้สบายตัวมองดูสบายตา  แต่
 กับบ่อใหม่ที่ขนาดไม่ได้ใหญ่โตกว่าบ่อเดิมมากนักแต่ปลาที่ใส่ลง
 ไปขนาดไซส์ 6   บ่อที่ขนาดเล็กอยู่แล้วกลายเป็นบ่อกะจิ๋วไปทันที
 สร้างความอึดอัดให้กับปลาเป็นอย่างมาก
      เมื่อเกิดความชอบในเสียแล้ว   ก็ยากที่จะทนเห็นปลาอึดอัดอยู่
ในบ่อเล็กๆ เช่นนี้ได้   แผนการสร้างบ่อที่ 3 จึงเกิดขึ้นหลังลงปลา
 ไปในบ่อที่ 2 เพียงไม่กี่วัน จากประสบการณ์ที่ผิดพลาดมาแล้วถึง
 สองบ่อ  บ่อนี้จึงถูกออกแบบให้ใหญ่และลึกกว่าสองบ่อแรก  อย่าง
 เทียบกันไม่ได้  คราวนี้ถึงกับลงทุนรื้อต้นไม้ที่เคยเป็นอุปสรรคทิ้ง
 ทิ้ง  เพื่อให้บ่อมีขนาดยาวเต็มพื้นที่  จึงได้ความยาวถึงขนาด 12
 เมตร  แบ่งเป็นบ่อกรอง 4 เมตร  บ่อเลี้ยง 8 เมตร  ความลึกเฉลี่ย
 2 เมตร  เติมน้ำในบ่อเลี้ยง่ที่ระดับ 1.8 เมตร
      เริ่มต้นการก่อสร้างโดยใช้รถแม็คโครมาขุดดิน    การขุดต้อง
 ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากตัวบ่ออยู่ติดกำแพงรั้ว ถ้า
 พลาดพลั้งอาจกระแทกรั้วพังได้ง่ายๆ ไม่เพียงแต่ต้องระระวังไม่
 ให้กระแทกกำแพงรั้ว  การเคลื่อนตัวของรถขุดก็ทำได้ด้วยความ
 ยากลำบากเพราะพื้นที่ให้รถเคลื่อนที่เพียงเล็กน้อย  ถ้าไม่ระวังจะ
 กระแทกกับตัวบ้าน   แถมขุดลงไปยังเจอปูนขนาดใหญ่ที่เป็นฐาน
 รองเสากำแพงอีกต่างหาก  ต้องใช้เครื่องสกัดมาสกัดทิ้งเสียเวลา
 ไปเยอะทีเดียว









      เพื่อความแข็งแรงจึงใช้วิธีสร้างแบบบ่อเท  เพิ่มค่าใช้จ่ายไป
อีกเยอะ   แต่ให้ความมั่นใจว่าวันหน้าจะไม่แตกร้าวอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทุ่นค่าก่อสร้างสำหรับบ่อนี้คือค่าเสาเข็ม  ไม่จำเป็นต้องตอก
เพราะเป็นพื้นที่เชิงเขาขุดหน้าดินลงไปนิดเดียวก็เจอหินแล้ว  ไม่
สามารถตอกเสาเข็มทะลวงได้  ตัดปัญหาเรื่องบ่อทรุดทิ้งไป
     บ่อกรองถูกแบ่งออกเป็นห้าช่อง   ช่องแรกรับน้ำจากสะดือบ่อ
ล้นข้ามไปช่องที่สองเป็นช่องมีเดีย   ไม่ได้ผ่านช่องบังคับน้ำลอด
เหมือนระบบทั่วไป    ลอดจากมีเดียช่องสองไปยังช่องมีเดียสาม
ล้นไปยังช่องมีเดียช่องที่สี่  ลอดไปยังช่องน้ำดีช่องห้า สูบกลับไป
ยังบ่อเลี้ยง   มีเดียที่ใช้เป็นหินภูเขาไฟทั้งหมดประมาณยี่สิบกระ
สอบ   ช่องมีเดียสุดท้ายใส่ฟิลเตอร์แมทวางทับไปบนหินภูเขาไฟ
ด้วย
     หินทั้งหมดแบ่งใส่ถุงตาข่าย  เพื่อความสะดวกในการนำออก
มาฉีดล้างทำความสะอาด  สะดือบ่อทำไว้สองจุด  ใช้ท่อขนาดสี่
นิ้ว  เป็นแบบสะดือท่อหงาย   ไม่ใช้แบบหลุมคว่ำท่ออย่างที่นิยม
ใช้กันทั่วไป  ที่ปากท่อไม่ได้ใช้ตะแกรงปิด  ไม่กลัวปลาลอดลงไป
บ่อกรอง    เพราะมั่นใจว่าปลาที่เลี้ยงมีขนาดไซส์ 6 ขึ้นไปทุกตัว
ไม่สามารถมุดลงท่อได้แน่นอน
     ปั้มที่ใช้เป็นปั้ม FOX ขนาดท่อ 4 นิ้ว ปริมาตรการสูบน้ำ 35
ตันต่อชั่วโมง งบประมาณในการสร้างเฉพาะตัวบ่ออย่างเดียวไม่
รวมอุปกรณ์และมีเดียประมาณ 300,000 บาท ติดตั้งหลังคาโพ
ลีคาบอ เน็ตกันแดดกันฝนไปอีก 100,000 บาท   กับงบประมาณ
นี้ถือว่าไม่แพงเลย   เป็นราคาที่สร้างได้ในเฉพาะต่างจังหวัด  ถ้า
สร้างในกรุงเทพคงไม่สามารถสร้างในราคานี้ได้
     พอสร้างเสร็จเรียบร้อย  แช่น้ำทิ้งไว้ให้บ่อหมดความเค็มของ
ปูนถึงสองครั้ง  รวมระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์  เติมน้ำครั้ง
ที่สามจึงปล่อยปลาลงไป  หลังจากปล่อยปลาลงไปไม่กี่วันน้ำเขียว
ทันตาเห็น    เขียวชนิดที่ว่ามองไม่เห็นปลาจะเห็นก็ต่อเมื่อว่ายมา
กินอาหารบนผิวน้ำเท่านั้น  ใช้เวลาการเซ็ตตัวของระบบกรองอยู่
เกือบหนึ่งเดือน  น้ำจึงใส
     จากครั้งแรกที่ลงปลาชุดเดิมไปห้าตัว   ดูแล้วน้อยไปเมื่อเทียบ
กับขนาดบ่อ  จึงไปซื้อมาอีก 15  ตัว  เป็นปลาของซาไกจากฟาร์ม
ไทย-นิบปอน  เป็นปลาสายพันธุ์ดีจากพ่อแม่ดัง  อาทิเช่น วากาโช
ริว,เรนโบว์,โรส เป็นต้น  ที่ชอบปลาของซาไกเพราะว่าชอบโครง
สร้างของปลาใหญ่ล่ำสมดุลย์และสีสันเข้มชัดเจน
    ท้ายสุดท่าน สจ.ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าในอนาคตอาจสร้างบ่อใหม่
อีกหนึ่งบ่อ  โดยจะเปลี่ยนบรรยากาศจากบ่อสี่เหลี่ยมทื่อๆ มาเป็น
บ่อฟรีฟอร์ม  ตบแต่งด้วยต้นไม้ให้ดูเป็นธรรมชาติ  มีศาลาไว้นั่ง
พักผ่อนชมปลา  ถ้าโอกาสนั้นมาถึงเมื่อไรทางทีมงาน Aqua จะ
นำมาเสนอให้ได้ชมอย่างแน่นอน

                                
<< end >>

<<< กรุณาชมเวบนี้ด้วย Explorer Browser พบข้อผิดพลาด - ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับปลาคาร์พเพิ่มเติม โทร 081-4598555 นายรัน >>>